วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2558

กำหนดลำดับการปฏิบัติงานอย่างไร ให้สอดคล้องกับนโยบาย ตอนที่ 1




                                           


  มนัสเสียงอ่อยขอความเห็นใจ “แต่คืนนคงต้องพักบานลอก่ปีน”บรมพยักหน้าและว่า “ก็ได้เช้ามืดต้องรีบเลยนะ อย่าให้คนแถวนี้เห็นเพราะต่างจ้องอยู่”อดีตรัฐมนตรีเหมือนนึกอะไรได้จึงเอ่ยถาม “ฉลวยเมียตน ติดต่อมาบ้างหรือเปล่า”เจ้าของบ้านส่ายหน้าและว่า “มาแต่สมนึกลูกชาย ก็ลื้อให้มาขอความช่วยเหลือเรื่องค่าเล่าเรียนปะแหละ เครื่องบันทึกเสียงดิจิตอล อั๊วจ่ายไปสองหมื่น ตั้งแต่นั้นไม่เห็นหน้า มีเบอร์โทรมันไหมสมนึกปะ” มนัสถาม

“มี เดี๋ยวจะให้” บรนดอบมนัสผู้เหมือนกำลังรับโทษทัณฑ์ในบาปกรรม จิตใจให้ว้าวุ่น นอนไม่หลับตลอดคืน เช้ามืดบรมเพื่อนรักลงจากชั้นบนมาปลุกที่โซฟารับแขกเอาเกือบเวลาตีห้า ยื่นเงินปีกหนึ่งห้าหมื่น พร้อมกับเบอร์โทรศัพท์ของสมนึกลูกชาย และเหมือนยื่นคำขาด “เฮ:ย น้ส อย่าว่าอย่างโน้นนี่เลย ไม่จำเป็น อย่าโทรมาหาอั๊วนะ เดี๋ยวเกิดโดนแอบดักฟัง กลัวเหลือเกินวะ”คนทำบาปเอาไว้มาก กัดริมปีปากแน่น ซึ้งใจเพื่อนแล้วยามตกอับแทบไม,คิดต้อนรับ ออกจากบ้านบรม มานั่งจิบกาแฟโบราณจากร้านรถเข็นข้างถนน จนสว่างจึงออกหาบ้านเช่าหลังหนึ่งเอาที่พอชุกหัวนอนได้ เพราะยังไม่รู้จะดำเนินชีวิตต่อไปอย่างไร หากเงินที่บรมช่วยมาหมด  บันทึกเสียงในห้องประชุม อีกทั้งจะโผล่หน้าให้ลังคมทั่วไปเห็นไม่ได้อีกแล้ว โทรศัพท์หาสมนึกลูกชายจากเบอร์ที่บรมให้มา เสียงปลายสายรับ

“โหล โค?ฝะ”รีบกรอกเสียง “นึกเหรอะ นี่พ่อโว้ยอยู่ที'ไหน”เสียงลูกชายตื่นเต้น “หา ออกมาเมื่อไหร่"
มนัสรีบตอบ “วานนี้เอง มาหาพ่อหน่อยอยากพบ การเรียนเป็นไงบ้าง”เสียงห้วนตอบ “ออกแล้ว”
หนี้กรรมผู้เป็นพ่อเสียงดัง “ออกทำไม ไม่เรียนให้จบ”เด็กหนุ่มกระแทกเสียง “พ่ออยู่ที่ไหน จะไปหา” มนัสจึงบอกทางให้ยังเน้นคำให้รีบมาเพราะอยากรู้เรื่องแม่ด้วยไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ลูกชายอดีตเศรษฐีกับรัฐมนตรีมาถึง เครื่องบันทึกเสียงพกพา ผู้เป็นพ่อยาถามคำเดิม ทำไมไม่เรียนให้จบ สมนึกที่รูปร่างขาวสะอาดรูปหล่อเข้าขั้นพระเอกหนังไทยทีเดียว ลงนั่งกอดเข่ายังพื้นบ้าน ตอบพ่อ “ใครจะทนได้เพื่อนมันล้อพ่อขี้โกงจนติดคุก แม่มีซุ้”มนัสโกรธจนลืมตัวสะบัดเสียงกับลูกชาย “โธ่โว้ย ไปฟังพวกนั้นทำไมรู้ไหมไม่มีความรู้ แกอดตาย”เด็กหนุ่มหันขวับจากก้มหน้ามองพื้นแล้วขึ้นเสียงบ้าง “พ่อล่ะ มีความรู้ทำไลำบาก ไม่เพียงลำพัง ให้ผมพลอยมองหน้าใครไม่สนิทไปด้วย”คำพูดของสมนึกเหมือนเหล็กแหลม แทงหัวใจของอดีตรัฐมนตรี สีหน้าคล้ายจะร้องไห้พูดกับลูกชาย “ที่ฉันทำอะไรลงไปเพื่อแกและครอบครัว”เด็กหนุ่มใช้แขนปาดนํ้าตา พลางส่ายหน้าว่า “ผมไม่รู้ ที่เป็นอยู่คือลำบาก บ้านช่องไม่มี ต้องอาศัยเพื่อนซุกหัว”มนัสได้ยินเรื่องบ้านทำให้จิตร้อนรุ่มเอ่ยถาม “มีเบอร์แม่ของแกไหม”สมนึกพยักหน้า “มี” ผู้เป็นพ่อจึงบอก “เอามาจะถามเรื่องบ้านเร็ว” สุดท้ายยื่นคำขาดเมื่อลูกล้วงกระเป๋าออกมาล่งให้ดูเสร็จ จึงกดมือถือที่เพิ่งซื้อมาราคาเพียงพันกว่าบาทเสียงเรียกดังอยู่สามสี่ครั้ง นางฉลวยอดีตเมืยจึงรับ “โหล นั่นใคร”มนัสเริ่มมีอารมณ์โกรธจึงกรอกคำสามหาวใล่ “จำไม่ได้เหรอะนี่ ผัวคุณไง” ปลายสายตอบด้วยอาการตื่นเต้น “หา พื่นัส”

“เออ ใช่ อยู่ที่'ไหนน่ะอยากคุยด้วยเรื่องบ้าน” เครื่องบันทึกเสียงsony  หล่อนรีบปฏิเสธ“อย่ารู้เลย เราแยกทางกันแล้ว ฉันแต่งงานใหม่” นิสัยมุทะลุเอาแต่ ใจของมนัสพุ่งป็ดขึ้นสมองทันทีเอ่ยตอบ “รู้แล้ว สมนึกมันบอก แต่นันมันบ้านฉัน จะขายทำไมไม่ถามก่อนสักคำ ถือสิทธิ'อะไร”นางฉลวยซึ่งหมดความเกรงกลัวไปนานแล้ว ละเลงลิ้นตอบ “เป็นชื่อของฉัน ไม่มีจะกินด้วย ให้ทำอย่างไง แค่นี้นะ” หล่อนกดวางหูไปดื้อๆ ทำให้คู่สนทนาร้องลั่น“เอ้ยๆ เดี๋ยวซี่โว้ย” ตาแข็งกร้าวมองเหม่อข้างหน้าอย่างใช้ความคิดพักหนึ่งจึงหันถามลูกชาย“รู้จักบ้านของมันไหม แม่แเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ลั่นหัว พลางคางในลำคอ “อึ” และพูด

ให้พ่อฟัง “ผมเองเขายังไม่ยอมให้รู้จักเลย คงกลัวไปขอเงินมั้ง”อดีตรัฐมนตรี กัดกรามกรอดสบถคำ “ระยำจริง อย่าให้เจอนะมึง กูยอมติดตะรางอีกหน”สมนึกซึ่งกอดเข่าเอาคางเกยแขนเหลือบตามองพ่อ ที่หน้าแดงกา ด้วยฤทธึ๋ของความโกรธแล้วหันมาที่เด็กหนุ่มซึ่งไม่เอ่ยอะไรได้แต่ทำตาปริบๆ “แก
อยุ่กับใครแน่ ที่ไหน”สมนึกตอบเสียงอู้อี้ “บอกแล้วไงกับเพื่อน แถวซอยทองหล่อ”ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับรู้ล้วงกระเป๋าสตางค์จากกางเกงด้านหลัง ออกมาดึงแบงก์ที่พอมีเหลือล่งให้สองพัน แล้วบอก “เอาติด

ตัวไว้ ถ้ามีโอกาสเรียนต่อเถอะนะนึก”ลูกชายเงยหน้าขึ้นมองผู้ให้กำเนิด ยื่นมือไปรับใบละพันมาใล่กระเป๋าเสื้อ โปรแกรมบันทึกเสียง ไม่ลืมกล่าวขึ้น “ขอบคุณครับพ่อ เรื่องเรียนเห็นท่าจะหมดหวัง ผมไม่ได้ทำอะไร จะเอาที่ไหนใช้จ่าย ที่สำคัญลังคมไม่ให้อภัยครอบครัวของเรา ที่ตกเป็นจำเลยไปแล้ว อีกอย่างอายุผมยี่สิบไปเรื่มต้น ม.1 อายเพื่อน”ผู้กำลังตกอยู่ในความทุกข์พยักหน้างึกๆ ด้วยความสงสารลูกพลาง บอก “เออๆ พ่อเองจนปัญญาเหมือนกัน แต่จะลองไปหาเพื่อนเก่าเร่]ช่วยหาอะไร ให้แกทำได้บ้างหรือเปล่า” ยังถามลูกชาย“จะมาอยู่ด้วยกันที่นี่ไหม”


เครื่องบันทึกเสียง

วันอังคารที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ดักฟังเสียงแมวร้อง ด้วยเครื่องดักฟังแบบไฟฟ้า ตอนที่ 1

                                            


รวีเพิ่งมีอายุเต็ม 14 ปี ในวันสงกรานต์ปีนั้นจำได้แม่นยำว่าเล่นสาดนํ้ากับเพื่อนๆ อย่างสนุกสนานบนตอน
หลังของรถกระบะของพี่ชายเพื่อนจนกระทั่งเย็นยํ่าแล้ว รถกระบะของพี่ชายเพื่อนก็ยังขับวนร่อนไปทั่วเมือง เครื่องดักฟังราคา ให้อิ่มใจอีกรอบก่อนกลับบ้านขณะที่รถแวะจอดในปัมนํ้ามันเพื่อขอเติมนํ้า หวังจะเล่นนํ้ากันเป็นครั้งสุดท้ายนั่นเอง รวีก็เหลือบไปเห็นเจ้าแมวสีเทากำลังนั่งหลับตาพริ้มสบายอยู่บนราวกำแพงข้างห้องนํ้าในอาณาบริเวณปัมด้วยความนึกสนุกคะนองตามประสาวัยรุ่น รวีจึงเล็งกระบอก สูบนํ้าที่บรรจุนํ้าอยู่เต็มไปที่เจ้าแมวตัวนั้นพลางกล่าวกับเพื่อนๆ‘‘เฮย! ต้อม! มึงดูนะว่ากูจะแม่นไหม’’"เอ้ย! วี กระบอกสูบนํ้าของมึงแรงไม่พอถึงมันหรอกว่ะ’’เพื่อนติติงเหมือนสบประมาทรวีจึงเพิ่มความมุ่งมั่น 

 แล้วก็กดปลายด้ามกระบอกสูบนํ้าอย่างเร็วและแรงเต็มเหนี่ยวทันที!แรงอัดฉีดทำให้กระแสนํ้าสาดพุ่งเข้าใส่เจ้าแมวสีเทาอย่างแรงเจ้าแมวเคราะห์ร้ายอยู่ในภาวะที่ไม่รู้เนื้อรู้ตัว มันจึงกระเด็นไปตามแรงอัดของนั้ายังไม่ทันที่มันจะพลิกตัวกลับ หรือกระโดดลงสู่พื้นได้ทันแรงนํ้าอัดผลักให้มันกระเด็นไปกระแทกผนังของตึกแถวข้างๆซึ่งอยู่ห่างจากกำแพงเพียง 2-3 ฟุตเท่านั้น"เมี้ยว!"เสียง เจ้าแมวร้อง แค่นั้น"เห็นไหม กระบอกของกูแรงกว่าปีนฉีดนํ้าของไอ้ชัยอีก’’รวีร้องอย่างตื่นเต้นบุญชัยเพื่อนอีกคนกลับเอ่ยขึ้นว่า"เอ้ย! ปกติแมวมันจะมีวิชาตัวเบาไมใช่หรือวะ มันจะกระโดดแบบประคองตัวลงพื้นดินได้นี่นา ทำไมมันกระเด็นไปแบบเสียศูนย์อย่างงั้นวะ"“ก็นํ้ามันแรงขนาดนั้น" ดักฟังในรถยนต์  ด้อมเอ่ยอย่างสังเกต “แต่กูว่ามันกระแทกตึกนั่นแรงเหมือนกันนะเว้ย สงสัยเตี้ยงแน่ ไอ้วีมึงไปดูเหยื่อมึงสิ ฆาตกรรมแมวซะแล้วมึง’’คำพูดของเพื่อนๆ ทำให้รวีใจเสียแต่เขาก็ยังพยายามยิ้มขณะกระโดดลงจากรถไปชะเง้อชะแง้ดูแมว"ไม'เห็นว'ะ'’ รวีตะโกนบอกเพื่อนพี่ชายของเพื่อนจึงขับรถไปเทียบใกล้ๆ กำแพงกลุ่มเด็กวัยรุ่นพากันปีนกำแพงเพื่อโผล่หน้าไปดูแมวที่ถูกนํ้าฉีดกระแทกใส่จนกระเด็นไปอัดกับผนังตึกแถว"นั่นไงๆ เดินขาเดี้ยงเลย"เพื่อนๆ ชี้ให้รวีดูแมวสีเทาที่เดินขากะเผลกๆ ไปนั่งชุกตัวอยู่ที่มุมตึกแถว’‘มันคงแค่เจ็บขาน่ะ เดี๋ยวก็คงเดินไหว" พี่ชายเพื่อนพูดในแง่ดี

รวีจึงรีบเอ่ยปลอบตัวเอง“ใช่ๆ มันคงจุก,นะ"แล้วกลุ่มเล่นนํ้าสงกรานต์ก็พากันกลับบ้านไปโดยลืมเรื่องเจ้าแมวตัวนั้นไปในที่สุดกาลเวลาผ่านไป 11 ปีเต็มวันหนึ่งรวีกำลังนั่งเล่นอยู่บนเบาะรถมอเตอร!ชค์ที่หน้าร้านขายอะไหล่รถยนต์ของเพื่อนขณะนั้นบังเอิญมีเด็กวัยรุ่นผู้ชายอายุ 15-16 ปี คนหนึ่งได้ขับรถยนต์มาด้วยความเร็วสูง รถยนต์เสียหลักแฉลบพุ่งเข้าข้างทางแล้วชนเข้าใส่รวีอย่างแรง!รวีกระเด็นขึ้นไปนอนกองอยู่บนพุ่ตปาธโดยมีรถมอเตอร์ใชค์คันที่ตนนั่งอยู่กระเด็นขึ้นมาทับตัวเขาด้วยปรากฏว่าอุบัติเหตุนี้เกิดขึ้นจากความคะนองของเด็กวัยรุ่นที่ขับรถไม่เป็น!แต่เขาถูกเพื่อนท้า    เขาจึงคว้ากุญแจรถเพื่อนแล้วสตาร์ตรถออกในตอนที่เพื่อนเผลอ แล้วก็เพิ่งเลี้ยวออกมาจากปากซอยโดยคิดจะมาจอดแอบอยู่ริมถนนหน้าปากซอย  อุปกรณ์ดักฟังไร้สาย เพราะตนก็ไม่คิดจะขับออกถนนใหญ่แต่ด้วยความไม่เป็นจึงเลี้ยวรถเข้าจอดข้างทางไม่เป็นเดชะบุญที่รถได้ถูกเหยียบเบรกอย่างแรง แล้วรถจึงแฉลบมาทางรวีในแบบที่มิได้ชนเข้าใส่ตรงๆมิเช่นนั้น รวีอาจจะสินชื่อไปแล้วทุกวันนี้ ขาข้างขวาของรวีเสียจากอุบัติเหตุคราวนั้นและทุกครั้งที่เขาเจอะเจอพวกเรา เขาก็ยังคงพูดเศร้าๆ เสมอ

เครื่องดักฟัง